USB Type-C คืออะไร ?

admin2

ทำความรู้จัก USB Type-C 3.1 เป็นทั่งสายชาร์จและสายส่งข้อมูลที่รวดเร็ว สะดวกสบาย เสียบด้านไหนก็ไม่มีผิดสำหรับชื่อของเจ้า USB Type-C ตัวนี้เพื่อน ๆ ก็คงจะเคยได้ยินกันมาบ้างตามสื่อต่าง ๆ เป็นระยะเวลาสักปีสองปีได้แล้ว เพราะเจ้าเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อช่วงประมาณเดือนสิงหาคมปี 2014 ทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟน Android คงจะรู้จักกับพอร์ต USB ช่องที่เราเอาไว้ชาร์ตแบต หรือซิงค์ข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างสมาร์โฟน และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งเจ้า USB เป็นพอร์ตที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนานพร้อมกับมีการพัฒนาความสามารถในการเชื่อมต่อให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการนำมาใช้งานกับอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์พีซี, โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต จนได้มีการพัฒนามาถึงยูเอสบี Type-C ในปัจจุบันที่เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อแบบใหม่ให้ความคล่องตัวมากกว่าเดิม แม้จะไม่เป็นที่นิยมมากนักเนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีใหม่แต่เชื่อว่าในอีกไม่ช้ามันจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่เรามีใช้กันทุกคนแน่นอนค่ะและปัจจุบันนี้โน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ ๆ ก็นำเจ้าสิ่งนี้มาใช้แล้ว

สำหรับมาตรฐานการเชื่อมต่อที่เรารู้จักกันดีอย่าง USB นั้น มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแง่ของรูปแบบและความเร็วที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างน่าทึ่งกับจุดเด่น คือ การเชื่อมต่อและพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งรองรับกับอุปกรณ์ต่อพ่วงในแบบต่างๆ อย่างครบครัน เรียกว่าตั้งแต่อุปกรณ์พื้นฐาน เมาส์ คีย์บอร์ด พรินเตอร์ ไปจนถึงเข้าอุปกรณ์โมบายล์และอื่นๆ พร้อมรูปแบบการเชื่อมต่อที่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับการใช้งานอีกมากมาย อย่างที่พบเห็นกันในปัจจุบัน เช่น USB Type-A, Mini-USB, Micro-USB ที่ต่างมีบทบาทสำคัญในการใช้งานในปัจจุบัน

ซึ่งถ้าเป็นสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีขายกันในท้องตลาดตอนนี้ที่เราเห็นกันก็จะใช้เป็น USB เป็นเวอร์ชั่น 2.0 Type-B แต่จะมีบางรุนที่ล้ำ ๆ หน่อยก็จะใช้ USB เวอร์ชั่น 3.0 Standard-A  ที่ส่งผ่านข้อมูลได้เร็วกว่า (5 Gbps) แล้วก็มี USB  เวอร์ชั่น 3.1 Micro-B หน้าตาเหมือนกับ USB 3.0 เลยแต่ส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็วกว่าถึงเท่าตัวเลยทีเดียว


  Nb solutions ไม่สนับสนุนให้ละเมิดลิขสิทธิ์ ทั่งภาพและเสียง
จะว่าไปมันก็คือ USB ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ ซึ่งสิ่งใหม่ขึ้นนั้นเราสามารถสรุปได้คร่าว ๆ ดังนี้ครับ

• เชื่อมต่อง่าย
• ส่งข้อมูลเร็วกว่าเดิม
• จ่ายไฟได้มากกว่าเดิม
• พอร์ทเดียวทำได้ทุกอย่าง
  

รูปแบบการเชื่อมต่อของคอนเน็คเตอร์รุ่นใหม่ ความเร็วในการเชื่อมต่อใหม่กว่า และแน่นอนว่ารองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ อีกด้วย  แต่สิ่งที่เรียกว่าใหม่ในยูเอสบี Type-C นี้ มีสิ่งใดกันบ้าง มาดูกันค่ะ


สำหรับยูเอสบีไทป์ซีนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับรูปแบบการเชื่อมต่อที่เป็นมาตรฐาน และเพื่อให้สามารถใช้พลังงานได้มากขึ้น ซึ่งเจ้ายูเอสบี Type-C นี้จะมีขนาดหัวเท่า ๆ กับรุ่นเก่าอย่าง micro USB เวอร์ชั่น 2.0 Type-B มี 18 พิน สามารถทำงานร่วมกับพอร์ต USB เวอร์ชั่น 3.1 Micro-B ได้ มีความเร็วสูงสุดในการโอนถ่ายข้อมูลสูง 10 Gbps นอกจากนี้ ยังรองรับเทคโนโลยี USB Power Delivery ที่ใช้ในการรับส่งกระแสไฟฟ้า 100 วัตต์ได้ (USB  เวอร์ชั่น 2.0 รับส่งกระแสไฟฟ้าได้ 500 วัตต์  USB  เวอร์ชั่น 3.0-3.1 รับส่งกระแสไฟฟ้าได้ 900 วัตต์ )

อีกหน่อยทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต รวมถึงโน๊ตบุ๊ค หรือ คอมพิวเตอร์รุ่นที่ออกใหม่ๆจะต้องมีพอร์ตนี้ติดมาด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งก็ตอนนี้ก็มีบางรุ่นของเอเซอร์ที่ผลิตออกมาให้ได้ใช้งานกันบ้างแล้วอาทิเช่น Aspire Switch 12 , Travelmate P6, และ Aspire V Nitro เป็นต้น นับว่าเป็นการพลิกโฉมของโลกแห่งการเชื่อมต่ออีกครั้งหนึ่งสำหรับพอร์ตยูเอสบี Type-C ที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องของความหลากหลายกับพอร์ต USB ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่ไม่เพียงแค่เรื่องของการต่อพ่วงที่ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจ่ายพลังงานที่มากขึ้นสำหรับอุปกรณ์ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญในการพัฒนาอุปกรณ์ต่อไปในอนาคตอีกด้วยค่ะ






ที่มา  Wikipedia, Whatphone

ekasamsoni

great master

thxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx